TRT ปี 54 โตก้าวกระโดด ตุนงานในมือเพียบ 1,700 ล้านบาท
ถิรไทย หรือ TRT ปี 54 โตก้าวกระโดด ตุนงานในมือแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท ปิด Q1 หรือช่วง เม.ย.54 เก็บมาแล้ว 366 ล้านบาท พร้อมมีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 1,255 ล้านบาท มากกว่าทั้งปี 53 ด้าน "สัมพันธ์ วงษ์ปาน" ผู้บริหาร TRT กล่าวย้ำปีนี้ยอดทะลุเป้า 2,200 ล้านบาทแน่ พร้อมเตรียมประมูลงานทั้งภาครัฐ และเอกชนภายในประเทศ และต่างประเทศอีกในวงเงินรวม 6,200 ล้านบาท คาดได้ไม่ต่ำกว่า 20 % หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาด เปิดเผยว่า ในปี 2554 นี้ ทิศทางของบริษัทฯ จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยบริษัทคาดการณ์ไว้ว่าจะสามารถมีรายได้รวมทั้งปีกว่า 2,200 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตจากปีที่ 1,520 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ คำสั่งซื้อเข้ามาแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท
สำหรับคำสั่งซื้อ ณ เดือน เมษายน 2554 บริษัทฯ มีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนมาจากหน่วยงานภาครัฐ ทั้งการไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 480 ล้านบาท หรือ 28 % การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่า 321 ล้านบาท หรือ 19 % การไฟฟ้าฝ่ายผลิต มูลค่า 2 ล้านบาท และหน่วยงานภาคเอกชนในประเทศมูลค่ากว่า 525 ล้านบาท หรือ 31 % และส่งออกอีกกว่า 375 ล้านบาท หรือ 22 % โดยในไตรมาสแรกได้มีการส่งมอบไปแล้วมูลค่ากว่า 366 ล้านบาท และจะส่งมอบงานในไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 อีกว่า 1,337 ล้านบาท
นายสัมพันธ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัทในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามภาวะของเศรษฐกิจของประเทศ และของโลก ที่มีอัตราการเติบโตมากขึ้น โดยในปีนี้ ณ เดือน เมษายน 2554 บริษัทฯ มีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 1,255 ล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมาได้มากกว่าคำสั่งทั้งปี 2553 และคาดว่าจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีบริษัทฯ จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอีกกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะได้มาจากการประมูลงานของหน่วยงานภาครัฐทั้ง 3 การไฟฟ้า และหน่วยงานเอกชนในประเทศ และต่างประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 6,200 ล้านบาท และคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถประมูลงานได้มากกว่า 20 % ของมูลค่างาน หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท
"ถ้าดูภาพรวมของบริษัทฯ ในปีนี้ ถือได้ว่าเป็นปีทองของบริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) อีกปีนึ่ง โดยคาดว่าจากนี้ไปจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำยอดขายได้เป็นไปตามเป้า ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ของบริษัทฯ จะคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านไม่น้อยกว่า 20 - 25 % ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อการรักษาอัตราเติบโตของบริษัทฯ" นายสัมพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย